“เราไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาทางเทคนิคเท่านั้น แต่เราสามารถต่อยอดและพัฒนาจากเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของบริษัทคุณ เพื่อส่งต่อไปให้อีกหลายบริษัทที่ต้องการได้ เปรียบเสมือนเป็นอะแดปเตอร์ที่เปลี่ยนเรื่องยากให้ง่ายขึ้นและเชื่อมโยงธุรกิจใหม่ๆ ได้มาพบกัน เพื่อเติมส่วนที่ขาดให้เต็มแล้วสามารถขยายธุรกิจในตลาดที่กว้างขึ้นได้” เรียวตะ นาคามูระ ผู้ก่อตั้ง บริษัท วายเอ็น ทู-เทค (ประเทศไทย) จำกัด (YN2-TECH) 

เรียวตะ เปิดมุมมองการทำธุรกิจของ YN2-TECH ในประเทศไทยว่า ตลอดระยะเวลา 12 ปี บนเส้นทางการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในไทย ทำให้เรียนรู้ว่า คนไทยมองหาคู่ค้าที่มีศักยภาพ และเลือกสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจโดยไม่สนใจเรื่องของขนาดบริษัท แม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้น หากมีศักยภาพและเป้าหมายชัดเจนในการสร้างโอกาสขยายธุรกิจให้เติบโตได้ คนไทยก็จะเลือกทำธุรกิจด้วย ซึ่งมองว่าเป็นวิธีเลือกพันธมิตรที่ชาญฉลาดและแหลมคมมาก

จากจุดนี้เองทำให้ YN2-TECH ได้รับโอกาสที่ดีจากหลายบริษัทในไทยซึ่งไว้วางใจให้เราเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคและเปิดรับคำแนะนำเรื่องการนำนวัตกรรมเครื่องจักรผสานเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ และทำให้เราได้เห็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการอยู่ตลอดเวลา

เรามองว่าสิ่งที่ YN2-TECH มีและส่งต่อให้พันธมิตร นอกจากการให้คำแนะนำด้านการทำการตลาดและต่อยอดทางธุรกิจแล้ว เรานำความรู้จากพันธมิตรทั้งจากญี่ปุ่นและในไทยมาเป็นประสบการณ์เพื่อสรรหาเทคโนโลยีและพัฒนาจนเกิดนวัตกรรมเครื่องจักรที่ตอบโจทย์กับแต่ละธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและการบริการด้านการบำรุงรักษา งานประกอบเครื่องจักร การจัดหาอะไหล่เพราะแต่ละอุตสาหกรรมมีความต้องการและอุปสรรค ปัญหาที่ต่างกัน

โดยปัจจุบันเรามีบริษัทพันธมิตรทางการค้าที่เข้าถึงผู้ประกอบการในไทยหลายราย เช่น บริษัท คาวากูจิ เซกิ จำกัด (Kawaguchi Seiki) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถตอบโจทย์ปัญหาการจัดการของเสีย (Waste management) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและส่งเสริมให้เกิดธุรกิจยั่งยืน นอกจากนี้เรายังมีบริษัท Extrabold Inc. ซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อสอดรับกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์จากนำวัตถุดิบเหลือใช้ที่ไม่สามารถกำจัดได้ แปรรูปด้วยเทคโนโลยี 3D Printing ที่มีศักยภาพแบบเฉพาะสามารถผลิตเป็นสินค้าใหม่ที่ออกแบบตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคจำหน่ายสู่ตลาด สามารถเป็นอีกทางเลือกเพิ่มรายได้ให้กับลูกค้า ตอบโจทย์เป้าหมายผลิตภาพ (Productivity) ของกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต

เชื่อมต่อเทคโนโลยี เชื่อมโยงนักลงทุน

YN2-TECH มองว่าประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางที่ดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ ซึ่งเราได้ลงทุนในหลายประเทศที่ผ่านมา เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน อินเดียและจีน ได้พบเห็นความแตกต่างของความต้องการและการเปิดรับด้านความรู้เทคโนโลยี รวมถึงการลงมือทำนำไปต่อยอดธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการไทยเปิดรับสิ่งใหม่ตลอดเวลาและตอบสนองในเชิงนำไปใช้ได้ทันที กล้าลงมือทำและพร้อมเรียนรู้ไปกับอุปสรรคที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากในมุมการทำธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติมองเห็นข้อดีนี้เช่นกัน

 

เรามองว่า กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยถึงขนาดกลาง หรือ SMEs ในไทยที่มีจำนวนมาก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัว ทำให้การทำธุรกิจต้องหยุดชะงัก แต่ YN2-TECH กลับคิดว่า นี่คือโอกาสในการหยุดพักเพื่อทบทวนการทำงานที่ผ่านมาถึงปัญหา หรืออุปสรรค หาวิธีแก้ไข แล้วเปลี่ยนเป็นข้อดีเพื่อใช้ดำเนินธุรกิจในอนาคต

 

อีกทั้งการสร้างความร่วมมือจากบุคคลภายนอกด้านศักยภาพเป็นอีกสิ่งที่สำคัญเนื่องจาก YN2-TECHทำธุรกิจลักษณะ B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) เรามีองค์ความรู้ที่หลากหลายจากประสบการณ์ทำงานร่วมกับบริษัทที่มีความชำนาญต่างกัน เรามีความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรคู่ค้าอย่างแข็งแกร่งทั้งในไทยและต่างประเทศ จึงทำให้การเคียงคู่ไปกับลูกค้าในทุกอุปสรรคนั้น เราสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาและให้คำแนะนำการเลือกใช้เครื่องจักรที่ผสานเทคโนโลยีซึ่งตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง แม้จะมีภาวะเศรษฐกิจถดถอยเข้ามาเป็นปัจจัยด้านการลงทุน

 

“มองว่าการทำธุรกิจเหมือนกับการเดินขึ้นบันได หากเดินขึ้นได้ต่อเนื่องนั่นคือการพัฒนาและต่อยอดไปข้างหน้า แต่ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวอาจทำให้เราหยุดก้าว แต่เป็นการยืนอยู่นิ่งๆ ก่อน เพื่อทบทวน มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้มองหาอะไรใหม่ๆ หรือเตรียมตัวรับมือความไม่แน่นอนในอนาคต โดยเปลี่ยน Pain point ลูกค้า เป็นโอกาสพัฒนาและต่อยอดให้ธุรกิจในอนาคตก้าวไปในอีกขั้นอย่างมั่นคง”

ทั้งนี้ ด้วยสินค้าของบริษัทพันธมิตรที่เปรียบเสมือนพรรคพวกของYN2-TECHและบริการของ YN2-TECH มีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นจุดแข็งหลัก และรูปแบบการทำธุรกิจในไทยสร้างความเชื่อถือนำไปเป็นต้นแบบเพื่อใช้ในประเทศอื่นๆ ได้ เนื่องจากไทยคือหนึ่งในประเทศที่ต่างชาติมองว่ามีความท้าทายในการทำธุรกิจ ซึ่งระยะเวลา 12 ปีที่เราทำธุรกิจในไทยและมีการเติบโตต่อเนื่องจึงเป็นหนึ่งในความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรรายใหม่ๆ ที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ข้อมูลจากเว็บไซต์MBA